เมื่อต้นปีวันที่ 2 มค. ที่ผ่านมา เราได้นำเสนอเนื้อหาเกี่ยกับ 5 สัญญาณ ที่บ่งบอกว่าคุณอาจเป็นคนขับรถที่ย่ำแย่ กันไปแล้ว ในวันนี้ เรายังมีเนื้อหาเกี่ยวกับพฤติกรรมการขับขี่ของคนไทย ที่มักพบเป็นประจำ ซึ่งเป็นนิสัยการขับขี่ที่เสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุได้สูง เราจึงอยากให้ผู้ขับขี่บนท้องถนนทุกท่าน (ใช้คำว่าขับขี่ เพราะรวมทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์) ได้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงแก้ไข กับ 5 พฤติกรรมดังนี้ 1.
จึงทำให้คุณปลอดภัยทุกเส้นทางในการขับขี่มากขึ้น
/ชม. ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถถึง 76 เมตร และหากประสบอุบัติเหตุจะทำให้แรงปะทะ ณ จุดเกิดเหตุเพิ่มสูงขึ้น เช่น การขับขี่ด้วยความเร็ว 60 กม.
ศ. 2547 ที่ผ่านมานั้น ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (ศปภ. ) ได้สรุปสถิติการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 9-18 เมษายน 2547 (รวม 10 วัน) ดังนี้ (: //) 1. ยานพาหนะที่ทำให้เสียชีวิตมากที่สุด ได้แก่ รถจักรยานยนตร์ คิดเป็นร้อยละ 52. 50 มีสาเหตุหลักมาจากการขับรถโดยประมาท คิดเป็นร้อยละ 83. 33 2. พฤติกรรมเสี่ยงของชีวิต ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 53. 85 รองลงมา ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 23. 08 3. มีผู้เสียชีวิตบนถนนเทศบาล/อบต. /หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 52. 94 รองลงมา ได้แก่ ถนนทางหลวง คิดเป็นร้อยละ 41. 18 4. ช่วงเวลาที่เสียชีวิตมากที่สุด คือเวลา 20. 01-24. 00 น. 5. สำหรับการตั้งจุดตรวจทั่วประเทศ เพื่อดำเนินการตามมาตรฐานการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้ดำเนินการเรียกตรวจรถจำนวนทั้งสิ้น 1, 404, 217 คัน 6. ยานพาหนะที่เรียกตรวจจับมากที่สุดได้แก่ มอเตอร์ไซค์ จำนวน 491, 903 คัน รองลงมาเป็นรถปิกอัพ จำนวน 482, 315 คัน 7. จากการตรวจจับพบว่า ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 3 ม. ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย และมีแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนด รวม 58, 292 ราย แยกเป็น ไม่สวมหมวกนิรภัย 19, 892 ราย มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย 5, 063 รายา มีแอลกอฮอล์เกินที่กฎหมายกำหนด 987 ราย 8.
การเกาะถนนจึงต่ำ เสียหลักได้ง่าย เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และยังเปิดช่องให้มีการดัดแปลง แต่งซิ่งได้ง่าย และวันนี้ ถ้าเราต้องใช้มอเตอร์ไซค์ในการทำงาน ทำเงิน ต้องอยู่กับรถสองล้อคันนี้ทั้งวัน บางคนควงกะถึงกลางคืนด้วย ก็เป็นเรื่องน่าห่วง" พญ.
เปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดสัญญาณไฟ อีกหนึ่งกฎหมายจราจรที่ยังมีคนฝ่าฝืนอยู่บ่อยครั้ง นั่นก็คือ การเปลี่ยนเลนโดยไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ถือเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ทุกคนจะต้องรู้ไว้เพราะกฎการเปลี่ยนช่องเดินรถเคยออก ข้อสอบใบขับขี่ มาแล้วว่า ถ้าผู้ขับขี่ต้องการเข้าช่องเดินรถด้านซ้ายก่อนถึงทางเลี้ยวจะต้องชะลอความเร็ว และเปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยวไม่น้อยกว่า 30 เมตรทุกครั้ง มันจะช่วยกะเวลาให้รถสามารถเลี้ยวไปได้ อีกทั้งยังช่วยส่งสัญญาณให้รถคันอื่นเตรียมชะลอรถให้เราด้วย 7. เร่งรถเมื่อเห็นสัญญาณไฟเหลือง ตามปกติแล้ว การเจอสัญญาณไฟเหลือง หมายถึงให้ผู้ขับขี่เตรียมตัวที่ชะลอเพื่อหยุดรถ (หลังเส้นหยุดรถ) แต่หลายคนเข้าใจผิดว่าการเห็นสัญญาณไฟเหลืองกระพริบ คือการเร่งความเร็วผ่านแยกไฟแดง หรือบางคนก็กลัวเสียเวลารถติดนานก็เลยเหยียบคันเร่งจนมิด แต่คุณทราบไหมว่า? การฝ่าไฟเหลืองนั้นถือว่าผิดกฎหมายจราจรเช่นเดียวกับฝ่าไฟเเดง เพราะมีโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันได้ หากใครฝ่าฝืนกฎจะ มีโทษปรับไม่เกิน 1, 000 บาท เว้นแต่กรณีที่คุณขับรถเลยเส้นบังคับหยุดรถไปก่อนไฟเหลืองจะกระพริบ 8. ขับจี้ท้ายรถคันหน้า "มารยาทในการขับรถ" เป็นสิ่งสำคัญของการใช้ถนนร่วมกัน แต่คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในสถานการณ์เร่งรีบจะ ชอบจี้ท้ายไล่รถคันหน้า ลองคิดเล่นๆ กันดูนะว่า ถึงเราจะขับรถเก่งเพียงใดหากรถคันข้างหน้าเบรคกะทันหัน เราก็ไม่สามารถเบรคได้ทันอยู่ดี อีกอย่างหนึ่งเวลาเกิดอุบัติเหตุเมื่อเคลมประกัน รถที่ชนท้ายคันข้างหน้ามักจะเป็นฝ่ายผิดเสมอด้วย ดังนั้น ผู้ขับขี่จะต้องขับรถเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้าไม่น้อยกว่า 60 เมตร หรืออยู่ในระยะห่างที่ปลอดภัยไว้ก่อน แต่อย่าทิ้งระยะห่างจากรถคันข้างหน้ามากจนเกินไป อาจจะส่งผลให้การจราจรติดขัด แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้รถคันอื่นเข้ามาเเซงด้วย 9.
ความคุ้มครองนาน 1 เดือน สนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: Facebook iON GO หรือ [email protected]: @iONGO